ก่อนจะตกลงรับเป็นพี่เลี้ยงเด็ก คุณต้องมีความรัดกุม และทำข้อตกลงกับพ่อแม่ของเด็กให้ดี เช่น
-ตกลงเรื่องวันเวลาที่คุณสามารถรับเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้ เช่น รายสัปดาห์ รายเดือน รายวัน เฉพาะเสาร์-อาทิตย์
-ตกลงเรื่องอื่นๆ เช่น ให้ทำหน้าที่เฉพาะเลี้ยงเด็กอย่างเดียว หรือต้องให้บริการอย่างอื่น เช่นทำกับข้าว ซักเสื้อผ้า เป็นต้น ก็ต้องเจรจากันก่อน
-เจรจาเรื่องเงินเดือนหรือรายได้ที่คุณจะได้รับ ว่าจะจ่ายกันอย่างไร และจ่ายกันวันไหน อย่าไปตกลงแบบบอกว่า "แล้วแต่จะให้" ประเดี๋ยวจะผิดใจกันภายหลังได้
-เจรจาเรื่องวันหยุดของคุณว่าคุณจะขอหยุดวันไหนในแต่ละสัปดาห์ และในช่วงวันหยุดของคุณใครจะเป็นผู้เลี้ยงเด็กแทนคุณ เป็นต้น
วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2553
แนวทางในการโฆษณาหาลูกค้า
คุณสามารถหาลูกค้าได้โดยง่ายด้วยวิธีการมากมาย เช่น ต่อไปนี้
1.ปิดป้ายประกาศโฆษณา โดยเขียนด้วยลายมือตนเอง หรือจ้างร้านเขียนโฆษณาให้ ด้วยข้อความเช่น
"รับเลี้ยงเด็ก วัยแรกเกิด-1 ขวบ ติดต่อที่เบอร์มือถือ XXXXXX " แล้วนำไปติดตั้งไว้ตามเสาไฟ หรือตามต้นไม้ ก็ได้
2.ติดต่อที่โรงเรียนประถมหรือโรงเรียนมัธยมใกล้บ้าน สอบถามครูอาจารย์ของโรงเรียนดังกล่าว
3.เวลาไปทำบุญที่วัด หรือไปร่วมงานศพสวดอภิธรรมที่วัดข้างบ้านเรา ก็พูดคุยประชาสัมพันธ์กับคนที่นั่งข้างๆเรา เดี๋ยวเขาก็กระจายข่าวไปในลักษณะปากต่อปาก อย่างนี้ก็ได้
4.โฆษณาฟรีโดยโพสต์ข้อความทางอินเตอร์เนต เช่น ที่เว็บ sanook.com, pantip.com เป็นต้น
1.ปิดป้ายประกาศโฆษณา โดยเขียนด้วยลายมือตนเอง หรือจ้างร้านเขียนโฆษณาให้ ด้วยข้อความเช่น
"รับเลี้ยงเด็ก วัยแรกเกิด-1 ขวบ ติดต่อที่เบอร์มือถือ XXXXXX " แล้วนำไปติดตั้งไว้ตามเสาไฟ หรือตามต้นไม้ ก็ได้
2.ติดต่อที่โรงเรียนประถมหรือโรงเรียนมัธยมใกล้บ้าน สอบถามครูอาจารย์ของโรงเรียนดังกล่าว
3.เวลาไปทำบุญที่วัด หรือไปร่วมงานศพสวดอภิธรรมที่วัดข้างบ้านเรา ก็พูดคุยประชาสัมพันธ์กับคนที่นั่งข้างๆเรา เดี๋ยวเขาก็กระจายข่าวไปในลักษณะปากต่อปาก อย่างนี้ก็ได้
4.โฆษณาฟรีโดยโพสต์ข้อความทางอินเตอร์เนต เช่น ที่เว็บ sanook.com, pantip.com เป็นต้น
วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553
ปลอดภัยไว้ก่อน :ความปลอดภัยนอกบ้าน
1.เด็กๆเขาจะไม่ค่อยจะตระหนักถึงอันตรายในขณะที่ไปเล่นนอกบ้าน คุณจะต้องคอยสอนเขาว่าควรจะเล่นนอกบ้านอย่างไรถึงมีความปลอดภัย
2.ต้องระวังอย่าให้เด็กไปอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังชิงช้าหรือเครื่องลไลด์ทุกชนิด
3.ต้องระวังห่วงที่แขวนไว้ตามสนามเด็กเล่น เด็กเล็กบางคนจะเอาศีรษะสอดเข้าไปอาจจะถูกห่วงหรือเชือกรัดคอหายใจไม่ออกได้
4.ต้องอธิบายถึงกฎเกณฑ์ของคุณเกี่ยวกับการไปเล่นนอกบ้านว่ามีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง ในรายการของกฎเกณฑ์การเล่นนอกบ้านของคุณ ก็อย่างเช่น ห้ามไม่ให้ผลักเด็กอื่นออกจากชิงช้า หรืออุปกรณ์การเล่นอื่นใด ห้ามไกวชิงช้าที่ไม่มีคนนั่ง ห้ามปีนขึ้นด้านหน้าอุปกรณ์ลื่นไถล ห้ามเดินไปข้างหน้าหรือข้างหลังชิงช้าที่กำลังไกว ห้ามบิดเชือกไกวชิงช้า ห้ามเล่นแรงกับอุปกรณ์ต่างๆ อุปกรณ์ของเล่นที่เขาออกแบบให้เล่นได้คนเดียวก็จะต้องเล่นทีละคน
5.ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อต้องพาเด็กไปที่สระว่ายน่ำ เป็นต้น ต้องคอยดูเด็กตลอดแบบไม่คลาดสายตาเลยทีเดียว หากมีเด็กคนใดหายไป ต้องรีบตรวจเช็คว่าพลัดตกลงไปในสระว่ายน้ำหรือไม่
6.ต้องเรียนรู้วิธีปฐมพยาบาลเบื้องตนเพื่อเอาไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินขณะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก รวมทั้งต้องจำหรือเม็มเบอร์โทรศัพท์เพื่อใช้โทรถึงหน่วยงานให้บริการฉุกเฉินย่านข้างเคียงเอาไว้ด้วย
ปลอดภัยไว้ก่อน:ความปลอดภัยในของเล่น
1.ของเล่นชิ้นเล็กๆที่พอจะเอาเข้าปากกลืนลงไปในท้องได้ ต้องเก็บงำไว้ให้ดีในกรณีที่เด็กไปเลี้ยงนั้นมีอายุต่ำกว่าสี่ขวบ
2.ของเล่นที่เป็นรูปสัตว์ต้องดูให้ดีว่าลูกตาของมันหลวมพอที่เด็กจะแกะยัดเข้าปากกลืนลงไปในท้องได้หรือไม่
3.เก็บงำของเล่นที่มีลักษณะคมมีปลายแหลมและของเล่นประเภทปืนยิงอย่าให้เด็กเล่น
4.ของเล่นประเภทที่มีเชือกหรือเอ็นเหนียวก็ต้องคอยระวังมันจะรัดเด็กเล็กเป็นอันตรายได้ ให้เก็บของเล่นเหล่านี้ให้พ้นมือของเด็กเล็ก
5. ของเล่นประเภทเครื่องอิเล็กทรอนิคต้องระวังอาจจะไหม้หรือช็อตเด็กได้
6. ต้องระวังอีกเหมือนกันว่าของเล่นที่จะให้เด็กเล่นเหมาะกับอายุหรือวัยของเขาหรือไม่ ของเล่นบางชิ้นปลอดภัยสำหรับเด็กโตแต่อาจเป็นอันตรายกับเด็กเล็กได้
ปลอดภัยไว้ก่อน:ความปลอดภัยส่วนบุคคล
2.เวลาอุ้มเด็กหรือกล่องอะไรต้องระวังเวลาเก้าเท้าเดินจะสะดุดอะไรได้
3.ในกรณีที่คุณถูกมีดบาดหรือไฟไหม้ให้เอาเด็กไปไว้ในที่ที่ปลอดภัยก่อนที่คุณจะทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ตนเอง
4. หากคุณเกิดรำคาญ ถูกรบกวน หรือเกิดความไม่แน่ใจในบุคคลหรือในสถานการณ์ที่ผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ให้โทรถึงบุคคลที่ต้องติดต่อในเวลาฉุกเฉินหรือจะโทรถึงบิดามารดาของเด็กนั้นก็ได้
5.หากคุณเกิดเจ็บป่วยกะทันหันในขณะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก ก็ต้องโทรศัพท์แจ้งพ่อแม่ของเด็ก หรือโทรถึงพี่เลี้ยงเด็กคนอื่นให้มารับหน้าที่แทนคุณ แต่จะต้องติดต่อกับพ่อแม่ของเด็กให้เขายินยอมให้พี่เลี้ยงอื่นเป็นคนอื่นได้เสียก่อน
ปลอดภัยไว้ก่อน:ความปลอดภัยของเด็ก
2.อย่าปล่อยให้เด็กอยู่ตามลำพังบนโต้ะ บนเก้าอี้สูงๆ ในห้องน้ำ หรืออยู่ที่อุปกรณ์หัดเดิน และควรมีสายรัดนิรภัยเมื่อมีความจำเป็น
3.คุณต้องไม่นอนหลับเพื่อว่าจะได้ยินเสียงเด็กตอนที่เขาเรียกคุณ
4.เด็กจะทดลองลองใจคุณว่าคุณจะปล่อยให้เขาไปได้ไกลขนาดไหน คุณต้องมั่นใจว่าเขาจะไปเล่นที่ไหนก็ได้ในที่ซึ่งมีความปลอดภัยเสมอ
5.พวกตู้ทุกชนิด ตู้ยา ลิ้นชัก ห้องเก็บของเป็นที่ไม่เหมาะที่จะให้เด็กเล่นหรือเข้าไปเล่น และจะต้องนำเด็กไปให้ไกลจากบันได วัตถุที่มีความร้อน(เช่นเตารีด เครื่องมือทำผม) เตาไฟ เตาแก๊ส ไมโครเวฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
6. ต้องนำกรรไกรหรือมีดหรือของมีคมทุกชนิดออกไปให้ไกลจากเด็ก
7.พวกสิ่งของประเภทกระดุม เข็มหมุด ที่เขี่ยขี้บุหรี่ เหรียญ ของเล่นชิ้นเล็กๆ ไม่ขีด และของอื่นๆที่อันเล็กๆทั้งหลายจะต้องไม่ให้อยู่บนพื้นบ้านและเอาไปเก็บไว้พ้นสายตาของเด็ก
8. หากพาเขาออกไปเล่นนอกบ้าน ก็ต้องรู้ว่าที่ใดบ้างที่พ่อแม่ขาให้ไปได้และที่ใดบ้างที่เขาไม่ให้ไปเล่น ต้องคอยระมัดระวังเรื่องรถ เรื่องไฟ เรื่องเครื่องมือทำสวน และสัตว์ที่จะเป็นอันตรายกับเขาได้
9.อย่าอาบน้ำให้เด็กเว้นเสียแต่มีความจำเป็นจริงๆ เมื่อจะอาบน้ำให้เด็กก็จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และจะต้องไม่ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพังในห้องน้ำ
10.บิอาหารที่เป็นก้อนใหญ่ให้เป็นก้อนเล็กเพื่อเขาจะได้กลืนไม่ติคคอ
11.ควรให้เด็กทารกนั่งกินอาหาร
12. ระวังอาหารที่กินแล้วเด็กจะสำลัก เช่นข้าวโพดคั่ว ฮ็อตด็อก ขนมหวาน และองุ่น
13.ต้องคอยปิดประตูตามห้องต่างๆ เช่น ห้องน้ำ ห้องใต้ดิน และโรงรถ
14. ระมัดระวังเรื่องถุงพลาสติก หรือปลอกหมอนที่อาจจะคลุมหน้าเด็กจนหายใจไม่ออกได้
15.พวกลวดที่ขึงไว้หรือสิ่งของที่แขวนไหว้ระโยงระยางก็ต้องคอยระวัง เอาออกไปไว้ไกลๆ เพราะอาจจะเป็นอันตรายแก่เด็กทารกได้
ปลอดภัยไว้ก่อน : ความปลอดภัยในบ้าน
พี่เลี้ยงเด็กที่ดีนั้น ต้องตระหนักถึงความปลอดภัยและต้องมีมาตรการคอยระมัดระวังเป็นพิเศษให้แน่ใจว่าเด็กจะปลอดภัยจากอุบัติเหตุ หากคุณจำเป็นต้องพูดโทรศัพท์ก็ต้องแน่ใจว่าตอนที่คุณพูดโทรศัพท์อยู่นั้นเด็กอยู่ที่ไหน อย่าพูดโทรศัพท์นานและขณะที่พูดก็ต้องคอยระวังระไวเด็กด้วย
ความปลอดภัยในบ้าน (Household Safety)
1.ปิดหน้าต่างและประตูนอกให้เรียบร้อย อย่าเปิดให้คนข้างนอกมองเห็นเข้ามาข้างใน
2.ระมัดระวังเวลาจะพูดอะไรทางโทรศัพท์ เช่นอย่าบอกว่าคุณอยู่คนเดียว
3.อย่าเปิดวิทยุหรือโทรทัศน์เสียงดังเพราะจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงร้องไห้หรือเสียงร้องเรียกจากเด็กเมื่อตอนที่เขาหลับ
4.เอาของที่อยู่ใกล้มือเด็กออกไปให้ไกลเมื่อตอนเตรียมอาหารให้พวกเขา
5.ต้องรู้อยู่เสมอว่าทางออกฉุกเฉินในบ้านไปทางใดAlways
6. ต้องคอยระมัดระวังสิ่งที่จะเป็นอันตรายในบ้าน เช่นบันไดบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือของมีคมที่อยู่ใกล้มือเด็ก
7.ต้องปิดประตูทางขึ้นลงบันไดเพื่อป้องกันเด็กพลัดตกลงมา
8.อย่าให้เด็กเล่นใกล้ประตูและหน้าต่างที่เป็นกระจก
9.อย่าวางยา ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ยาฆ่าแมลง สีไว้ใกล้มือเด็ก ต้องเก็บไว้ในที่ซึ่งเด็กเอื้อมมือหยิบไม่ถึง สิ่งของเหล่านี้เป็นอันตรายอย่างแรงสำหรับเด็กเล็ก หากเกิดเหตุขึ้นให้โทรศัพท์ฉุกเฉินถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด หรือโทรที่หมายเลข 999 ก็ได้
พัฒนาการของทารกวัยระหว่าง 6 ถึง 12 เดือน
พัฒนาการทางร่างกาย - ทารกจะชอบงีบหลับช่วงเวลาสั้นๆในตอนเช้าและในตอนบ่าย จะเริ่มกินและนอนเป็นเวลา จะกินวันละ 3 เวลา และดื่มน้ำและนมจากขวดตามเวลาต่างๆ จะเริ่มใช้ถ้วยและช้อนตักอาหารกินเองเป็น จะสามารถนั่งได้เอง จะสามารถคว่ำและคลานไปมาได้ เมื่อถึง 8 เดือนพวกเขาจะสามารถเอื้อมมือไปหยิบจับสิ่งของต่างๆได้ จะสามารถหยิบจับวัตถุต่างๆด้วยด้วยหัวแม่มือและนิ้วชี้ได้ จะเริ่มขว้างปาสิ่งต่างๆ จะเริ่มหัดยืนโดยวิธีจับเฟอร์นิเจอร์ประคองตัวได้ และจะสามารถเดินได้เมื่อมีคนจูงมือ เมื่อถึงอายุถึง 12 เดือน ทารกเกือบทั้งหมดจะมีน้ำหนักตัวขึ้นเป็นสามเท่าของตอนที่แรกเกิดและตัวจะสูงขึ้นๆเดือนละนิ้ว โดยเฉลี่ยทารกที่มีอายุหนึ่งขวบจะมีความสูงระหว่าง 26-30 นิ้ว
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์- ทารกจะตอบสนองเมื่อคุณเรียกชื่อเขา เขาจะเริ่มกลัวในสิ่งที่แปลกๆ จะโกรธและหงุดหงิดเมื่ออยากได้อะไรแล้วไม่ได้ จะเริ่มพูดกับตนเองที่หน้ากระจก จะเริ่มเรียนรู้ว่าอะไรที่ทำได้และอะไรทำไม่ได้ จะสามารถสอดส่ายสายตามองสิ่งต่างๆแทนที่จะใช้วิธีสัมผัสด้วยร่างกาย
พัฒนาการทางด้านสติปัญญา -ทารกจะโบกโมสั่งลาบายๆได้ และจะเริ่มเล่นของเล่นได้ จะสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่ง่ายๆได้ จะหาสิ่งต่างๆที่ไม่อยู่ในสายตาได้ จะส่งเสียงเรียกพ่อเรียกแม่ได้ จะเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองสิ่งที่คุ้นเคยได้ จะส่งเสียงที่พอจะเข้าใจได้สำหรับคนที่คุ้นเคย จะตอบสนองต่อของเล่นเช่นเอาของเล่นที่มีเสียงให้จะเขย่าและส่งเสียงหัวเราะชอบใจ พออายุถึง 12 เดือนทารกส่วนใหญ่จะเริ่มพูดด้วยภาษาที่คนอื่นพอจะฟังเข้าใจ
-
พัฒนาการของทารกแรกเกิดถึงวัย 6 เดือน
การพัฒนาทางร่างการ – เมื่อแรกเกิด ทารกจะไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตนเองได้ การเคลื่อนไหวเกือบจะทุกอย่างของพวกเขาจะมีลักษณะเป็นการสนองในลักษณะแรงสะท้อน ระบบประสาทของพวกเขายังไม่พัฒนาอย่างเต็มที่ ในระหว่างเดือนแรกๆ ทารกจะสามารถมองเห็นวัตถุได้ไกลจากใบหน้าประมาณ 10 นิ้ว เมื่ออายุ 6 เดือน การมองเห็นของพวกเขาจะมีการพัฒนาอย่างเต็มที่ เมื่ออายุได้ 4 เดือน ทารกจะสามารถควบคุมกล้ามเนื้อและระบบประสาทของตนเองได้ พวกเขาสามารถนั่งโดยมีคนประคองได้ สามารถตั้งศีรษะให้ตรงในเวลาสั้นๆได้
พัฒนาการทางสังคมและอารมณ์- ทารกจะเริ่มพัฒนาความความไว้วางใจเมื่อบิดามารดาตอบสนองความต้องการของพวกเขาโดยการเปลี่ยนผ้าห้อมให้เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยน ป้อนนมให้เมื่อพวกเขาหิว และอุ้มพวกเมื่อพวกเขาร้อง เมื่อเกิดการตกใจทารกจะร้อง เมื่อเห็นอะไรที่ประหลาดหรือกลัวก็จะร้องอีกเหมือนกัน พวกเขาร้องก็เพื่อแสดงความโกรธ ความเจ็บปวด และความหิวออกมา การร้องเป็นการสื่อสารของพวกเขา ทารกจะตื่นตกใจและผิดหวังได้ง่าย พวกเขาต้องการให้มีคนอุ้มและคนปลอบ มันคล้ายกับว่าพวกเขาอยากจะบอกอะไรแต่ไม่สามารถจะบอกโดยตรงได้ ทารกจะยิ้มเมื่อได้ยินเสียงไพเราะหู และเมื่อได้กินอิ่มท้อง เมื่อถึงอายุ 6 สัปดาห์ทารกจะยิ้มน้อยๆตอบรับกับคนได้ เมื่อถึง 4 เดือนจะยิ้มกว้าง จะหัวเราะเมื่อชอบใจ จะเรียนรู้ในการจดจำใบหน้าและน้ำเสียงของบิดามารดา
พัฒนาการทางสติปัญญา- ทารกจะพูดเสียงอ้อแอ้ไม่เป็นภาษาออกมา พวกเขาจะเรียนรู้เรื่องมือและเท้า จะหันไปมองที่ต้นกำเนิดของเสียง จะสามารถใช้สายตามองไปตามสิ่งที่เคลื่อนไหว จะใช้ปากสำรวจสิ่งต่างๆ โดยจะนำสิ่งต่างๆที่พอหยิบจับได้ใส่เข้าปาก จะส่งเสียงร้องไห้ในแบบต่างๆไม่เหมือนกัน คือ ในการแสดงความหิวก็อย่างหนึ่ง เวลาโกรธก็อย่างหนึ่ง เวลาเจ็บปวดก็อีกอย่างหนึ่ง จะลืมสิ่งที่พวกเขาไม่เห็นด้วยตา
คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ดี
คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ดี
พ่อแม่ของเด็กเห็นว่าพี่เลี้ยงเด็กควรมีคุณสมบัติต่อไปนี้ :
1.เป็นคนไว้ใจได้และมีความรับผิดสูง (dependable & responsible) ความไว้ใจได้เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และคุณจะต้องรับผิดชอบในสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของเด็กด้วย
2.เป็นคนรักเด็กเล็ก (love little children) พี่เลี้ยงเด็กที่ดีที่สุดปกติแล้วจะต้องมีความเข้าใจและรักเด็ก พวกเด็กมีแนวโน้มว่าคุณรักพวกเขาหรือไม่
3. เป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเอง (self-confident) พวกเด็กเขาจะตัดสินจากท่าทีของทุนและคำพูดของคุณที่แสดงออกมา เพระฉะนั้นคุณต้องมีความมั่นใจในตนเอง
4. เป็นคนมีความเป็นผู้ใหญ่พอ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรคุณก็จะต้องสงบและเยือกเย็น
5.เป็นคนมีกิริยามารยาทเรียบร้อย อันหมายถึงการมีสมบัติของผู้ดี มีความเคารพในความเป็นส่วนตัวของเจ้าของบ้าน โดยไม่เข้าไปในห้องส่วนตัว หรือไปหยิบฉวยทรัพย์สินสิ่งของของเขา เป็นต้น
6.มีความรู้ความเข้าใจเด็ก (knowledgeable about children) คือต้องรู้และเข้าใจขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับขั้นตอนการพัฒนาของเด็ก ต้องรู้เทคนิคขั้นพื้นฐานของการป้อนข้าว การแต่งตัว กรอาบน้ำ และการเล่นกับเด็กเล็กและเด็กโต
7. เป็นคนมีท่าทีแบบนักธุรกิจ (a business-like attitude) คือ ก่อนที่จะตกลงรับงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กของครอบครัวใหม่เป็นครั้งแรก คุณต้องตกลงในเรื่องต่างๆกับเขาในทุกแง่ทุกมุม ต้องรู้เรื่องรู้ข้อมูลของพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะออกจากสำนักงานของคุณไป
8.เป็นคนสามารถจะปรับตัวเองได้ (be adaptable) กล่าวคือยอมรับถึงข้อแตกต่างของแต่ละครอบว่าไม่เหมือนกัน เมื่อต้องไปอยู่ในครอบครัวของใครก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตและความเคยชินของเขา หากคนเห็นว่าวิถีชีวิตของเขาคุณรับไม่ได้ คุณก็ปฏิเสธที่จะไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กในบ้านของเขา
9.เป็นคนมีความตระหนักถึงความปลอดภัย (be safety conscious) คือจะต้องปกป้องเด็กไม่ให้ได้รับอันตราย ต้องสอดส่องดูแลระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา ไม่มีการเผอเรอ
10.คุณจะเป็นที่ต้องการของพ่อแม่เด็ก (you will be in demand) หากคุณเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่เก่ง คุณก็จะเป็นที่ต้องการของพ่อแม่ของเด็กเป็นจำนวนมาก คุณอาจจะต้องไปทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กในครอบครัวเดิมซ้ำๆแล้วซ้ำเล่าอย่างนี้ก็ได้ คุณก็ต้องทำใจให้ได้ในเรื่องนี้
นิยามความหมายของคำว่าพี่เลี้ยงเด็ก
พี่เลี้ยงเด็กในภาษาอังกฤษใช้ว่า Babysitting คือ การทำการดูแลเด็กเป็นการชั่วคราวแทนบิดามารดาของเด็ก งานพี่เลี้ยงเด็ก ปกติจะเป็นงานของพวกวัยรุ่นที่ต้องการหารายได้เป็นลำไพ่พิเศษ
พวกพี่เลี้ยงเด็กจะมีอายุอายุแตกต่างกันไป แต่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างเช่นที่สหรัฐอเมริกาจะมีอายุระหว่าง 14-19 ปี และก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักศึกษาที่อยู่ในวัย 20 ปีจะมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเพื่อหารายได้พิเศษ ประเภทของงานพี่เลี้ยงเด็กประกอบด้วย คอยดูแลเด็กในตอนหลับ เล่นเกมส์ด้วย ทำอาหารเลี้ยง สอนเด็กให้อ่านหนังสือ และแม้แต่สอนให้เด็กขับรถ(เมื่อเด็กอายุในเกณฑ์ที่จะขับรถได้) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะตกลงกันอย่างไรกับพ่อแม่ของเด็ก
คำในภาษาอังกฤษว่า “ bay-sit” (มาจากศัทท์ว่า bay + sit ) ปรากฏเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1937 และคำสั้นๆว่า “sitter” เป็นศัพท์ที่ปรากฏเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1943 การใช้คำว่า “sit” เป็นคำย่อของ “to baby-sit” มีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1800 ศัพท์นี้อาจจะมีกำเนิดมาจากการกระทำของผู้ดูแลที่นำเด็กไปไว้ในห้องหนึ่ง ในขณะที่พ่อแม่ของเด็กกำลังรื่นเริงหรือทำงานอยู่ในอีกห้องหนึ่ง
หลายคนเชื่อว่า คำว่า baby-sit หรือ baby-sitting มาจากกิริยาอาการพวกสัตว์กกไข่โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกนกที่นั่งอยู่บนไข่หรือกกไข่ให้เป็นตัว
ในบางประเทศ หลายองค์การได้จัดสอนหลักสูตรพี่เลี้ยงเด็กโดยส่วนใหญ่เน้นที่ความปลอดภัยของเด็กและการอนุบาลเด็กทารกและเด็กเล็ก
.
ประเทศต่างๆใช้นิยามแตกต่างกัน
ในภาษาอังกฤษแบบของประเทศอังกฤษ ศัพท์นี้หมายถึงการดูแลเด็กเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงอย่างไม่เป็นทางการและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนเย็นที่เด็กหลับอยู่เกือบตลอดเวลา ในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ศัพท์นี้หมายถึงการดูแลเด็กทั้งวันหรือเกือบทั้งวัน ซึ่งการกนะทำแบบนี้ใช้ในภาษาอังกฤษแบบประเทศอังกฤษว่า childminding
ในสหรัฐอเมริกา ศัพท์นี้บางครั้งใช้เมื่อมารดาหรือบิดาคนใดคนหนึ่งของเด็กอยู่บ้านส่วนอีกคนหนึ่งซึ่งโดยกติจะอยู่บ้านแต่มีอันต้องออกจากบ้านไป
ในประเทศอินเดีย คำว่า babysitter หรือ nanny เรียกกันในภาษาถิ่นว่า ayah หรือ aya อันหมายถึงลูกจ้างที่ทำสัญญากันในระยะยาวให้มาดูแลเด็กไม่ว่าพ่อแม่ของเด็กจะอยู่บ้านหรือไม่อยู่บ้านก็ตาม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
สถานจัดหาพี่เลี้ยงเด็กคุณไพรวัลย์
บริการจัดหาพี่เลี้ยงสำหรับเลี้ยงเด็กแรกเกิดถึง 1 ขวบ
ในเขต กทม.และปริมณฑล
บ้านเลขที่ 1/5 หมู่ 2 ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
Phraiwan Babysitting Service
Limited Service only in Bangkok and
closer areas.
Cotact Mobile : 089-982-6689(Mrs Phraiwan)
โทรมือถือ 089-982-6689(คุณไพรวัลย์)
ในเขต กทม.และปริมณฑล
บ้านเลขที่ 1/5 หมู่ 2 ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี
Phraiwan Babysitting Service
Limited Service only in Bangkok and
closer areas.
Cotact Mobile : 089-982-6689(Mrs Phraiwan)
โทรมือถือ 089-982-6689(คุณไพรวัลย์)